ประเพณีถือศีลกินเจภูเก็ต ประวัติและตำนานกินเจ เมืองภูเก็ต

ความตั้งใจของนักเดินทางทั้งหลายที่มาเยือน ภูเก็ต นอกจากเดินทางมาเพื่อซึบซับบรรยากาศของทะเลและหาดทรายอันงดงามแล้ว การมาเที่ยวชมตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ทั้งทางศิลปะและวัฒนธรรม ไปจนถึงงานเทศกาลประเพณีประจำปีก็เป็นเป้าหมายหนึ่งของการเดินทางมาเที่ยวเกาะภูเก็ตของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติในแต่ละปี โดยเฉพาะในช่วงราวเดือนตุลาคมของทุกปี หากนักท่องเที่ยวได้มาเยือนภูเก็ตเป็นครั้งแรก อาจรู้สึกแปลกใจที่ชาวภูเก็ตแทบทั้งเมืองแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีขาว ทั้งที่บางคนหน้าตาดำเข้มไม่เหมือนชาวจีนทั่วไปเลย นั่นหมายถึง ประเพณีถือศีลกินเจจังหวัดภูเก็ต ตามประเพณีของชาวภูเก็ตที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคนได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ กินเจ ภูเก็ต

ประเพณีถือศีลกินเจ ภูเก็ต

เดิมที ประเพณีถือศีลกินเจ จังหวัดภูเก็ต หรือเจี๊ยะฉ่าย ที่ชาวบ้านและชาวจีนที่อยู่ในจังหวัดภูเก็ตเรียกกันว่า ‘เจี๊ยะฉ่าย’ นั้นเป็นลัทธิเต่า ซึ่งนับถือบูชาเซียน เทพเจ้า วีรบุรุษ เป็นประเพณีที่คนจีนนับถือมาช้านาน โดยเฉพาะคนจีนฮกเกี้ยว ที่อาศัยอยู่เป็นจำนวนในจังหวัดภูเก็ต คำว่า ‘เจี๊ยะฉ่าย’ (กินผัก) เป็นภาษาท้องถิ่น มีวันประกอบพิธีตรงกับวัน 1 ค่ำถึง 9 ค่ำ (เก้าโง้ยโช่ยอีดถึงโช่ยเก้า) ตามปฏิทินจีนของทุกๆ ปี

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ อาหารเจภูเก็ต

 ประเพณีถือศีลกินเจ ภูเก็ต

สำหรับประเพณีเจี๊ยะฉ่าย หรือ ประเพณีถือศีลกินเจ จังหวัดภูเก็ต จะจัดขึ้นเป็นเวลาทั้งสิ้นเก้าวัน ซึ่งจุดมุ่งหมายสำคัญของการกินเจ ก็เพื่อเป็นการชำระล้างบาปเคราะห์ ถือศีลปฏิบัติธรรมให้สะอาดบริสุทธิ์ทั้งกายวาจาใจ เป็นโอกาสที่จะได้ทำบุญให้ทานและรำลึกถึงดวงวิญญาณบรรพบุรุษที่คุ้มครองและบันดาลให้ร่มเย็นเป็นสุข ผู้สวมใส่ชุดขาวจะต้องละเว้นจากการละเมิดศีลห้า รักษากายวาจาใจให้บริสุทธิ์สะอาดตลอดระยะเวลา 9 วันนี้ และทั้ง 9 วันจะมีพิธีกรรมเกี่ยวกับศรัทธาและความเชื่อในรูปแบบต่างๆ เช่น ค่ำคืนแรกของการเข้าเจ จะมีพิธียกเสาโกเต้ง ขึ้นที่หน้าอ๊ามแต่ละอ๊าม เพื่อเป็นที่แขวนตะเกียงน้ำ 9 ดวงซึ่งอัญเชิญดวงวิญญาณของยกอ๋องฮ่องเต้ (พระอิศวร) และกิ๋วอ๋องไตเต (ราชาผู้เป็นใหญ่ทั้งเก้า) ตะเกียงน้ำมันทั้ง 9 ดวงจะต้องติดไฟจนกว่าพิธีกินเจจะสิ้นสุดลง วันถัดมาก็จะเป็นพิธีบูชาพระ หรือวันทำความสะอาดศาลเจ้าหรือ ‘อ๊าม’ ตลอดจนภาชนะอุปกรณ์ประกอบพิธี แต่ละบ้านต่างเซ่นไหว้เจ้าและบรรพบุรุษของตน จากนั้นก็จะเป็นเป็นพิธีโขกู้น หรือพิธีเลี้ยงอาหารทหารที่รักษาบริเวณปริมณฑล ตามมาด้วยพิธีซ่งเก้ง หรือการสดมนต์อ่านรายชื่อผู้เข้าร่วมกินผัก ต่อมาเป็นพิธีป้ายชิดแช้ (พิธีบูชาดาว) เพื่อขอความเป็นสิริมงคลและรักษาโรค โดยจะทำในค่ำคืนวัน 5 ค่ำ หรือประมาณวันที่ 7 ในพิธีนี้จะมีการนำฮู้ (กระดาษยันต์)มาแจกด้วย

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ กินเจ ภูเก็ต

ประเพณีถือศีลกินเจ ภูเก็ต

ส่วนวันที่ 8 และ 9 คือพิธีอิ้วเก้ง หรือวันออกประพาสเพื่อโปรดสัตว์หรือทำนองออกเยี่ยมราษฎรของพระมหากษัตริย์โดยมีขบวนธงและป้ายชื่อแห่น้ำหน้า จากนั้นก็เป็นเกี้ยวหามรูปพระเรียกว่า ‘ไทเป่ย’ หรือเสลี่ยงเล็ก โดยหามรูปพระบูชาต่างๆ ออกนั่งเกี้ยวไป ซึ่งจัดตามชั้นและยศของเทพ จากนั้นเป็นขบวนของนิ่วสิ่ว (ฉัตรจีน) ตามด้วยพระเกี้ยวใหญ่หรือตั่วเหลี่ยน (เสลี่ยงใหญ่) ซึ่งใช้คน 8 คนหาม เป็นที่ประทับของกิ้วอ๋องไตเต โดยในขณะที่ขบวนแห่ผ่านไป ชาวบ้านจะตั้งโต๊ะบูชาหน้าบ้าน และจุดประทัดต้อนรับขบวนเมื่อผ่านมาถึง ซึ่งพิธีแห่พระรอบเมืองของศาลเจ้าต่างๆ ในภูเก็ต ก็จะจัดเวียนไปตั้งแต่ช่วงวันแรกๆ ไปจนถึงวันสุดท้าย ตามด้วยพิธีลุยไฟ พิธีสะเดาะเคราะห์ และพิธีส่งพระ ที่จัดขึ้นในช่วงวันสุดท้ายของการถือศีลกินผัก

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ กินเจ ภูเก็ต

ประเพณีถือศีลกินเจ ภูเก็ต

สำหรับศาลเจ้าต้นตำรับประเพณีถือศีลกินเจ จังหวัดภูเก็ต ก็คือ ศาลเจ้ากระทู้’ ศาลเจ้าแรกของเมืองภูเก็ต และมีประวัติความเชื่อเล่าสืบทอดต่อกันมาว่า เมื่อร้อยกว่าปีก่อน มีคณะงิ้วจากเมืองจีนมาเปิดการแสดงงิ้วที่หมู่บ้านไล่ทู (ในทู) ซึ่งเป็นหมู่บ้านกระทู้ ตำบลกระทู้ อยู่นานแรมปี แล้วบังเอิญเกิดโรคระบาดขึ้น คณะงิ้วจึงจัดให้มีพิธีกินเจและสร้างศาลเจ้าเพื่อสะเดาะเคราะห์ หลังจากนั้นโรคภัยที่เป็นอยู่ก็หายจนหมดสิ้น ชาวกระทู้จึงเกิดความเลื่อมใสปฏิบัติตาม หลังจากประกอบพิธีอยู่ 2-3 ปี มีผู้เลื่อมใสมากขึ้นเรื่อยๆ ชาวกระทู้อยากได้พิธีกินเจตามแบบพิธีในมณฑลกังไส ประเทศจีน จึงส่งตัวแทนไปเอาควันธูปและบันทึกพิธีที่สมบูรณ์แบบมาจากมณฑลกังไส และในระหว่างการเดินทางกลับก็มีการจุดธูปมาตลอดทางโดยไม่ให้ดับมอด ซึ่งในช่วงประเพณีถือศีลกินผัก (กินเจ) จังหวัดภูเก็ตนั้น ศาลเจ้ากระทู้วันนี้คึกคักไปด้วยผู้คนที่เดินทางมากราบไหว้ด้วยความศรัทธา ในศาลเจ้ามีเทพเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานเป็นจำนวนมาก ส่วนบรรยากาศรอบนอกศาลเจ้าก็การประดับธงของเจ้าต่างๆ หลากสีสัน ส่วนตรงข้ามอ๊าม เป็นโรงงิ้วขนาดใหญ่ที่เปิดแสดงให้ประชาชนมาดูในช่วงกลางคืน

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ กินเจ ภูเก็ต

ประเพณีถือศีลกินเจ ภูเก็ต

ส่วนวันที่นักท่องเที่ยวทุกคนตั้งหน้าตั้งตาคอยและพิธีสุดระทึกใจอันเป็นจุดเด่นสำคัญของเทศกาลถือศีลกินผักในทุกปีๆ ก็คือ ‘พิธีแห่พระรอบตัวเมือง`  ชาวภูเก็ตพากันตื่นแต่เช้าตรู่ เพื่อตั้งโต๊ะหมู่บูชาหน้าบ้าน ผู้คนชุดขาวเดินขวักไขว่ มีการจุดประทัดเสียงดังอยู่เป็นระยะๆ ให้ความรู้สึกตื่นเต้นคึกคักไม่น้อย และมีขบวนแห่ของศาลเจ้าจุ๊ยตุ่ย ศาลเจ้าขนาดใหญ่ของเมืองภูเก็ต ซึ่งมีม้าทรงกว่า 2,000 องค์ หากมองนักท่องเที่ยวขึ้นไปมองจากมุมสูงจะเห็นได้ว่า เส้นทางขบวนแห่บนท้องถนนมีความยาวไกลสุดลูกหูลูกตา และใช้เวลาแห่พระไปรอบเมืองไม่น้อยกว่า 4 ชั่วโมง

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ อาหารเจภูเก็ต

ประเพณีถือศีลกินเจ ภูเก็ต

ขบวนแห่ในประเพณีถือศีลกินเจ จังหวัดภูเก็ต จะเริ่มเคลื่อนตัวกันออกมาตั้งแต่ตอนสายๆ ประมาณ 8 โมง โดยมีม้าทรงหรือคนทรงเจ้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ชายและมีผู้หญิงบ้างเล็กน้อย แสดงอิทธิปาฏิหารย์แปลกๆ  (งานนี้ใครกลัวเลือด ขอบอกก่อนว่า เห็นแล้วอาจต้องต้องเอามือปิดตามือไม้อ่อนเหมือนจะเป็นลมด้วยความหวาดเสียว) ว่ากันว่า ขณะทรงเจ้า ม้าทรงเหล่านี้จะไม่รู้สึกตัว ไม่รู้สึกเจ็บ กับการใช้อาวุธและของมีคมต่างๆ ทิ่มแทงร่างกายเลย  ภาพที่เห็นได้เลาๆ จากตอนกดชัตเตอร์ถ่ายภาพเป็นระรัว ก็มีทั้งใช้เหล็กแหลม ดาบ มีด ลูกตุ้มเหล็กฟาดหน้าฟาดหลัง บางรายถึงกับเอาขวานจามหลัง หรือกระทั่งใช้มีดคมๆ เฉือนลิ้นตัวเองถูไปถูมาจนเลือดไหลซิบๆ ตลอดทาง ส่วนบางรายก็เพิ่มความพิสดารมากขึ้นไปอีกด้วยการเอากระบอกปืนแทงเข้าในปากถึง 2 กระบอก เดินเทิ่งๆ เลือดอาบๆ เป็นที่หวดเสียวสายตาและหัวใจยิ่งนัก

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ อาหารเจภูเก็ต

ประเพณีถือศีลกินเจ ภูเก็ต

 

 

การแสดงอิทธิปาฎิหาริย์เช่นนี้ ผู้เขียนได้พูดคุยจากผู้เฒ่าผู้แก่ในชุมชนที่มาตั้งโต๊ะเซ่นไหว้ บอกว่า การใช้อาวุธต่างๆ ทิ่มแทงร่างกายตัวเองนั้น เป็นกระทำที่แสดงให้เห็นว่า เจ้าได้เข้าทรงจริงๆ และสามารถแสดงอิทธิฤทธิ์เหนือมนุษยคนธรรมดาได้ ส่วนอีกมุมหนึ่งก็คือ เจ้ายินดีจะรับเอาความเจ็บปวดต่างๆ ของมนุษย์ไว้เอง…ภาพเหล่านี้หากใครมาดูใกล้ๆ เหมือนผู้เขียนคงต้องบอกว่า มันช่างน่าพิศวงปนหวาดเสียนเป็นที่สุด สีหน้าแววตาคนทรงแต่ละคนที่ผู้เขียนสังเกตุเห็นใกล้ๆ ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดหรือแสดงอาการใดๆ ออกมาเลย ถ้ามีโอกาสก็อยากชวนให้เพื่อนๆ ชาวสนุก! ท่องเที่ยว วางแผนไปเที่ยวกันสักหน แล้วคุณจะบอกว่ามันช่างน่าหวาดเสียวและตื่นตากว่าที่เห็นในจอทีวีที่บ้านซะอีก

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ประเพณีถือศีลกินเจ ภูเก็ต

ประเพณีถือศีลกินเจ ภูเก็ต

 

 

ขณะเข้าร่วมพิธี เราจะสังเกตเห็นว่า เจ้าทุกองค์จะเดินๆ เต้นๆ และวิ่งไปมาตามท้องถนนอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย โดยมีพี่เลี้ยงถือธงและเกี้ยวที่ประดิษฐานองค์พระร่วมขบวนไปด้วย ตลอดทางเจ้าจะแวะโปรดพี่น้องประชาชนที่ตั้งโต๊ะเครื่องเซ่นไหว้ไว้หน้าบ้าน พร้อมแจกเครื่องรางของขลัง บ้างก็หยิบผลไม้เซ่นไหวบนโต๊ะแจกให้ผู้มาเฝ้าชมนำกลับไปกินเพื่อเป็นสิริมงคล สลับกับเสียงกลองเสียงล่อโก๊ะดังกระหึ่มไปทั่วทุกสารทิศ

 

 

แต่ที่เห็นจะสร้างความเร้าใจและความศรัทธามากที่สุดในงานนี้น่าจะเป็นเสียงประทัดที่ถูกจุดโยนเข้าใส่ขบวนอย่างไม่ขาดสาย อึกทึกคึกโครมควันโขมงไปทั่วเมือง พอขบวนเดินผ่านไปท้องถนนก็มีแต่กระดาษสีแดงจากเปลือกประทัดปกคลุมไปทั่ว

 

นอกจากนี้ ทั่วทั้งตัวเมืองภูเก็ตยังมี ร้านอาหารเจ มากมายให้คุณเลือกชิมเติมพลังกันแบบละลานตา ทั้ง ก๋วยเตี๋ยว แกง ผัด ต้ม ทอด เรียกได้ว่ามาเที่ยวภูเก็ตช่วงประเพณีถือศีลกินผัก (กินเจ) ไม่กลัวต้องกลัวว่าจะหาอาหารเจกินยากส่วนใครไม่อยากเปลืองงบประมาณในอ๊ามก็มีโรงครัวปรุงอาหารเจให้คุณกินได้เช่นกัน ซึ่งจะว่าไปแล้วการกินอาหารเจนั้นก็ช่วยชำระขัดเกลาจิตใจตัวเราเองด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะในเรื่องของการไม่ยึดติดในรสชาติของอาหาร ที่มีต้องมีเนื้อสัตว์เป็นส่วนประกอบหรือรสชาติที่เราคุ้นเคยทุกๆ วัน

ประเพณีถือศีลกินผัก (กินเจ) จังหวัดภูเก็ต จัดขึ้นเพียงปีละหนึ่งครั้งเท่านั้น และขบวนแห่พระรอบเมืองที่น่าตื่นเต้นเช่นนี้ก็จัดเพียงไม่กี่วันเท่านั้น หากใครยังไม่มีโอกาสได้ไปชม ก็สามารถวางแผนไปเที่ยวได้ จะว่าไปแล้วเดี๋ยวนี้ไปเที่ยวภูเก็ตสะดวกสบายเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากนั่งรถโดยสารประจำทาง หรือขับรถยนต์ส่วนตัวไปเที่ยวเองได้แล้ว ใครชอบการเดินทางแบบสบายๆ ไม่เหนื่อยมาก ก็จองตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวกันแต่เนิ่นๆ ได้เลย แต่อย่าลืมว่าภูเก็ตยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกมากมายให้นักท่องเที่ยวมาพักผ่อนตลอดทั้งปี ฟ้าสวย ทะเลใส หาดทรายขาวจั๊วๆ อย่างนี้ แล้วคุณจะไม่เยือนไปภูเก็ตสักครั้งได้ยังไงกัน

หากเพื่อนๆ สนใจไปร่วมงานประเพณีถือศีลกินผัก (กินเจ) จังหวัดภูเก็ต ในปี 2560 ก็เตรียมตัวกันให้ดีนะค่ะ เพราะเขาจัดแค่ปีละครั้งเท่านั้น